วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คำขวัญ ของ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร (กทม.)\"ช่วยชุมชนแออัด ขจัดมลพิษ แก้ปัญหารถติด ทุกชีวิตรื่นรมย์\"ปทุมธานี (ปท.)\"ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ พระตำหนักรวมใจ สดใสเจ้าพระยา ก้าวหน้าอุตสาหกรรม\"ประจวบศีรีขันธ์ (ปข.)\"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ\"ชัยนาท (ชน.)\"หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบ์อสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา\"นนทบุรี (นบ.)\"พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ\"นครปฐม (นฐ.)\"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า\"นครนายก (นย.)\"เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ\"กาญจนบุรี (กจ.)\"แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก\"สระแก้ว (สก.)\"ชายแดนเบื้องบูรพา ป่างาม น้ำตกสวย มากด้วยอารยธรรมโบราณ ย่านการค้าไทย-เขมร\"พระนครศรีอยุธยา (พย.)\"ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา\"อ่างทอง (อท.)\"พระสมเด็จเกศไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรชนใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน\"สมุทรปราการ (สป.)\"ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม งามลำโพธิ์ทะเล\"
สมุทรสาคร (สค.)\"เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์\"สมุทรสงคราม (สส.)\"ดอนหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม\"สระบุรี (สบ.)\"พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งเดียวกกระหรี่ฟัพ นมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง\"ราชบุรี (รบ.)\"คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี\"ลพบุรี (ลบ.)\"วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกริกก้องแผ่นดินทอง สมเด็จพระนารายณ์\"
สิงห์บุรี (สห.)
\"ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนปลาแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง\"สุพรรณบุรี (สพ.)\"เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง\"ปราจีนบุรี (ปจ.)\"ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมืง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวาราวดี\"เพชรบุรี (พบ.)\"เขาวังคู่บ้าน ขมนหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรม ทะเลงาม\"

คำขำขวัญของ ภาคเหนือ กำแพงเพชร (กพ.)\"กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ\"อุทัยธานี (อน.)\"อุทัยธานีเมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำ สะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ\"นครสวรรค์ (นว.)\"เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ\"พิจิตร (พจ.)\"เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพรชรวมใจ บึงสีไฟลือเลื่อง ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงิน\"ไม่แน่ใจครับ ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ\"ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือแข่งเรือยาวประเพณีพระเครื่อดีหลวงพ่อเงินเพลิดเลินบึงสีไฟหศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพรชรสเด้ดส้มท่าข่อยข้าวเจ้าอร่อยลือเรื่องตำนานเมืองชาละวัน\"พิษณุโลก (พล.)\"พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา\"ตาก (ตก.)\"ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม\"สุโขทัย (สท.)\"มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการะแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข\"อุตรดิตถ์ (อต.)\"เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก\"แพร่ (พร.)\"ม่อฮ่อม ไม่สัก ถิ่นรักพระลอ พระธาตุช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่มีน้ำใจงาม\"เพชรบรูณ์ (พช.)\"เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง\"ลำปาง (ลป.)\"ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างให้ลือโลก\"น่าน (นน.)\"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง\"ลำพูน (ลพ.)\"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำใยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญไชย\"เชียงใหม่ (ชม.)\"ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์\"พะเยา (พย.)\"กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม\"แม่ฮ่องสอน (มส.)\"หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง\"เชียงราย (ชร.)\"เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา\"

คำขวัญของ ภาคตะวันออก ชลบุรี (ชบ.)\"ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย\"
ระยอง (รย.)\"ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก\"จันทบุรี (จบ.)\"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบรูณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินกู้ชาติ รวมญาติที่จันทบุรี\"ตราด (ตร.)\"เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา\"ฉะเชิงเทรา (ฉช.)\"แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธรพระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย อ่างฤาไนป่าสมบูรณ์\"

คำขวัญของ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา (นม.)\"เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน\"ชัยภูมิ (ชย.)\"ชัยภูมิทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทราวดี\"บุรีรัมย์ (บร.)\"เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม\"มหาสารคาม (มค.)\"พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร\"ร้อยเอ็ด (รอ.)\"ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา ทุ่งกุลาสดใส งานใหญ่บุญผะเหวด\"ยโสธร (ยส.)\"เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวาน ผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ\"ศรีสะเกษ (ศก.)\"ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี\"สุรินทร์ (สร.)\"สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม พร้อมวัฒนธรรม\"กาฬสินธุ์ (กส.)\"เมืองฟ้าแดนยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมภูไท ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี\"ขอนแก่น (ขก.)\"พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์ลือก้อง เหรียญทองมวยโอลิมปิก\"อำนาจเจริญ (อจ.)\"พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่ง เรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เสื่อมใสใฝ่ธรรม\"อุดรธานี (อด.)\"น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตรหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไฌน์\"อุบลราชธานี (อบ.)\"เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์\"มุกดาหาร (มห.)\"เมืองชายโขงงาม มะขามหวานเลิศ ถิ่นกำเนิดลำพญา ภูผาเทิบพิสดาร กลองโบราณล้ำค่า วัฒนธรรมไทยแปดเผ่า\"สกลนคร (สน.)\"พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม\"หนองบัวลำภู (นภ.)\"ศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน\"เลย (ลย.)\"เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู\"หนองคาย (นค.)\"วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว\"
นครพนม (นพ.)\"พระธาตุพนมล้ำค่า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาสองฝั่งโขง\"

คำขวัญของ ภาคใต้ ชุมพร (ชพ.)\"ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรมฯ ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก\"ระนอง (รน.)\"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง\"สุราษฎร์ธานี (สฎ.)\"เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ\"นครศรีธรรมราช (นศ.)\"เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู\"พังงา (พง.)\"แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบรูณ์ด้วยทรัพยากร\"กระบี่ (กบ.)\"กระบี่เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก\"ภูเก็ต (ภก.)\"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม\"พัทลุง (พท.)\"เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาปงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน\"ตรัง (ตง.)\"เมืองพระยารัษฎา ปวงประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา\"สงขลา (สข.)\"นกน้ำเพลินตา สมิหราเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้\"สตูล (สต.)\"สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์\"ปัตตานี (ปต.)\"บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อย หอยแครงสด\"ยะลา (ยล.)\"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน\"นราธิวาส (นธ.)ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา บาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน\"






http://forums.sadood.com/board/index.php?topic=15.0


ช่วยค้นนะจะได้ไม่เสียเวลาหามากค่ะ

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

นิทาน2ภาษาเรื่องThe Cure

Once there was a sick old man who had rheumatism and couldn't walk. He hadn't walk for ten years. All day he sat in front of his house and thought about his rheumatism. At night his family carried him to bed. "Won't I ever walk again?" he asked. His family didn't think so. One day, when he was sitting in his chair looking at the road, a boy that came along stopped to talk to him. "Do you know the old cemetery, which is down this road?" asked the boy. "Yes, I do," said the old man. "People say that the Devil and the Load are there. They say that they are dividing the souls," said the boy. "Do you believe it?" "Perhaps yes and perhaps no," answered the old man. "Nobody will go there at night. Everybody I know is afraid. Nobody will go there on a dark night, or on a clear one, either. Aren't you afraid, too?" "I'm not afraid," said the old man, "but I can't walk so far." The boy became excited. "Will you go there with me?" he asked. "I'll carry you on my back." "Of course I'll go," said the old man. They planned on going that same night. That day two thieves came to town. They usually stole together. This time the first one planned to steal a sheep, and the second planned to steal some ears of corn. They decided to meet at night in the cemetery. When the thief with the corn went to the cemetery, his friend wasn't there. The thief put the corn on the ground and began to divide the ears. "I'll take this one; he can have that one. I'll take this ear; he can have that ear." When the boy picked up the old man, he found that he was very heavy, so he soon put him down on the road. "Aren't you going to carry me all the way? Asked the old man. "I can't walk, you know." So the boy picked him up again and started on. After a time the boy came along with the old man on his back. They heard the thief say, "I'll take this one; he can have that one," but it was too dark to see anyone. The thief heard the boy and thought it was his friend with the sheep. "Is he fat?" he yelled. The boy's hair stood up on his head. He threw the old man to the ground and said, "Fat or thin, you can have him!" Then he turned around and ran as fast as he could run. He stopped running when he came to the old man's house. There was a light on the porch, and he saw the old man, sitting in his chair, smoking a cigar! "Why are you so slow?" called the old man. That old man never had rheumatism again. He was cured. And the old boy never went to the cemetery again, day or night.
@@@@@@
นานมาแล้ว มีชายชราคนหนึ่งป่วยด้วยโรค ปวดข้อ และ เดินไม่ได้ เขาไม่ได้เดินมานานเป็นเวลาสิบปี ทั้งวัน เขาจะนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน และ คิดถึงแต่เรื่องโรค ปวดข้อ ตกกลางคืน คนในครอบครัวจะช่วยกันยกเขาขึ้นเตียง ฉันจะเดินไม่ได้ตลอดไปแล้วหรือ?" เป็นคำถามของเขาที่ทุกคนในครอบครัวไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น วันหนึ่งขณะที่เขานั่งในเก้าอี้ มองไปตามถนน มีเด็กชายที่เดินมาคนหนึ่ง หยุดคุยกับเขา "ลุงรู้จัก ป่าช้า เก่าไหม? เขาว่าอยู่ไปตามถนนนี้น่ะ !" เด็กชายถาม "รู้จัก ซิ!" ชายชราตอบ "ใคร ๆ เขาพูดกันว่า, ปีศาจ กับ พระเจ้า อยู่ที่นั่น เล่ากันว่า พวกเขาจะ แบ่งวิญญาณ กัน ลุงเชื่อไหม?" เด็กชายถามอีก "บางทีก็เชื่อ, บางทีก็ไม่เชื่อ!" ลุง ตอบ เด็กชายพูดต่อไปว่า "ไม่มีใครไปที่นั่นเวลากลางคืน ทุก ๆ คนที่ผมรู้จัก กลัว กันทั้งนั้น ไม่มีใครไปที่นั่นในคืนที่มืดสนิท หรือแม้แต่คืนที่มีแสงสว่าง ก็ไม่อยากไป ลุงก็กลัวเหมือนกันหรือเปล่า?" "ฉันไม่กลัว แต่ฉันเดินไม่ได้" ชายแก่ตอบ เด็กชายรู้สึกตื่นเต้น "ลุงจะไปกับผมไหม? ผมจะให้ลุงขี่หลังของผมไป!" ฉันไปแน่นอน!" ชายชราตอบ และ ร่วมกันวางแผนที่จะไปในค่ำของคืนวันนั้น วันนั้น เผอิญมี ขโมยสองคน เข้ามาในหมู่บ้าน ปกติขโมยสองคนนี้จะขโมยร่วมกัน คราวนี้ ขโมย คนแรก วางแผนจะ ขโมยแกะ 1 ตัว ขโมยอีกคนหนึ่งจะ ขโมยฝักข้าวโพด จำนวนหนึ่ง หัวขโมยทั้งสอง นัดไปพบกันที่ ป่าช้า ในเวลากลางคืน หลังจากขโมยสิ่งของได้แล้ว เมื่อ เจ้าขโมย ที่ขโมยฝักข้าวโพดมาถึงป่าช้า ขโมยอีกคนหนึ่งยังไม่มา มันเทฝักข้าวโพดลงบนพื้น แล้วเริ่มแบ่งฝักข้าวโพด "ฉันเอาฝักนี้, มันเอาฝักนั้น ! ฉันจะเอาฝักนี้, ให้มันเอาฝักนั้นไป !" เมื่อเด็กชายมารับชายแก่ พบว่าชายแก่นั้นหนักมาก ให้ขี่หลังเดินมาได้ไม่นานก็ต้องปล่อยชายแก่ลงบนถนน จึงถูกถามว่า "แกจะไม่แบกฉันไปจนถึงที่หรอกหรือ? แกก็รู้ว่าฉันเดินไม่ได้ !" ดังนั้น เด็กชายจึงต้องให้ชายแก่ขี่หลังอีกครั้ง แล้วออกเดินต่อไป เวลาผ่านไป เด็กชายที่มีชายแก่อยู่บนหลังก็มาถึงป่าช้า ทั้งสองได้ยินเสียง "ฉันจะเอาฝักนี้, ให้มันเอาฝักนั้นไป!" แต่มันมืดมากเกินกว่าที่จะเห็นใคร ๆ ได้ เจ้าขโมยได้ยินเสียงคนเดินมา ก็นึกว่าเป็นเพื่อนที่ขโมยแกะมาถึงแล้ว จึงตะโกนถามว่า "มันอ้วนไหม?" เด็กชายขนหัวลุกตั้ง โยนชายแก่ลงพื้นแล้วพูดว่า "อ้วน หรือ ผอม แกก็เอามันไปเถอะ!" แล้วหมุนตัวกลับ วิ่งออกไปด้วยความเร็วเท่าที่จะวิ่งได้ เด็กชายหยุดวิ่งเมื่อมาถึงบ้านของชายแก่ มีแสงไฟที่ระเบียงบ้าน และเขาเห็น ชายแก่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูบบุหรี่ "ทำไมมาช้านักล่ะ?" ชายแก่ถาม ชายแก่ไม่ ปวดข้อ อีกต่อไป เขาถูก บำบัด แล้ว และเด็กชาย ไม่ไป ที่ ป่าช้า อีก ไม่ว่ากลางวัน หรือ กลางคืน

นิทานนิทาน2ภาษาเรื่องThe Lesson

Most people have a lot to learn. Many people need to learn when to talk and when not to talk. Some know a lot but tell only a little bit. Others know less and tell about half of it. There are others who know only a little and can’t stop talking. They start talking and keep on talking. In the old days there was a man like this, named Sam. Sam didn’t know that it is not good to tell everything. He talked everything he knew. One day Sam was in the woods. He cut trees there with some other workers. He was tired when he had finished work. On the way home he walked slowly. As he walked he kicked the grass with his feet. Suddenly he kicked something, and it rolled out of the grass. It was a white, dry skull. It had been there a long time. Sam was sorry that he had kicked a skull like that. He said, ”Please excuse me, skull. I’ll put you back into the grass.” But before he could pick the skull up, he heard music. He looked around but didn’t see anyone. He looked up and down but saw nothing. He heard someone singing, but he didn’t know who it was. This is what he heard: I am here and you are there; Talk too much, we’ll be a pair. Then Sam saw that the skull on the ground was singing those words. After a time the skull became quiet. Sam said to it, “Skull, how did you come here?” The skull answered, “My big mouth did this to me.” Sam said, “Do you know what I am going to do? I am going to tell my boss about you.” Sam was so excited that he ran from the woods. He wanted to tell everyone about the skull that he found. Soon he found his boss and told him, “There’s a skull in the woods that can talk and sing. I talked to it myself.” His boss was a man who wanted his workers to be quiet and honest. He said, “I want my workers to tell the truth. I’ll go with you to see that skull. I want to see for myself what it says.” So the boss went into the woods with his worker. There Sam found the skull in the grass and showed it to his boss. You can guess what Sam wanted the skull to do. They stood beside it a long time, but it didn’t speak. Finally Sam said, “Skull, sing that song again,” The skull didn’t sing. Sam said, “Skull, be my friend and talk to my boss.” The skull didn’t make a sound. Then Sam’s boss said to him, “I think you have been drinking whisky, and I have to teach you a lesson. I don’t want you to work for me any more. Find yourself another job.” And he went away. Again Sam was alone with the skull. Do you know what happened next? That skull began to sing: I am here and you are there; Talk too much, we’ll be a pair. Sam sat down on the ground beside the skull. He looked at it sadly and said, “Brother, why didn’t you speak when my boss was here?” “My big mouth did this to me, son,” said the skull. “Your big mouth did that to you.”
@@@@@@
ผู้คนส่วนใหญ่ มีเรื่องต้องเรียนอยู่มากมาย หลาย ๆ คนต้องเรียนรู้ว่า เมื่อไรควรพูด เมื่อไรไม่ควรพูด บางคนมีความรู้มาก แต่บอกกล่าวเพียงเล็กน้อย บางคนมีความรู้น้อย และบอกเล่าประมาณครึ่งหนึ่ง ยังมีบางคนที่มีความรู้เพียงเล็กน้อย แต่ ไม่สามารถที่จะหยุดพูดได้ พวกนี้จะเริ่มพูด และ พูดต่อเนื่องไม่ขาดปาก ในสมัยโบราณ มีชายคนหนึ่งชื่อ แซม เขาไม่รู้ว่า มันเป็นการไม่ดีถ้าจะบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง เขาพูดเกี่ยวกับทุก ๆ อย่างที่เขารู้ วันหนึ่ง แซม อยู่ในป่า เขาตัดต้นไม้ร่วมกับเพื่อนคนงานคนอื่น ๆ เขาเหนื่อยมากเมื่อทำงานเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้านเขาเดินอย่างช้า ๆ ขณะที่เดินก็เตะหญ้าไปด้วย ทันใดนั้น เขาเตะถูกอะไรอย่างหนึ่ง มันกลิ้งออกมาจากพื้นหญ้า มันเป็นหัวกะโหลกแห้ง ๆ สีขาว ๆ หัวหนึ่ง มันอยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว แซม รู้สึกกังวล ที่เขาเตะหัวกะโหลก เขาพูดว่า "กรุณายกโทษให้ผมด้วย, หัวกะโหลก ! ผมจะนำท่านไปวางไว้ในหญ้าตามเดิม" แต่ก่อนที่เขาจะหยิบหัวกะโหลกขึ้นมา เขาได้ยินเสียงดนตรี เขามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใครเลย เขามองขึ้น มองลง แต่ไม่เห็นอะไร เขาได้ยินเสียงใครสักคนกำลังร้องเพลง แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร นี่คือ สิ่งที่เขาได้ยิน ฉันอยู่ที่นี่ และ เธออยู่ที่นั่น พูดมากเกินไป เราจะเป็นคู่กัน แล้ว แซม ก็มองเห็นหัวกะโหลกบนพื้นดินกำลังร้องเพลงที่มีคำร้องดังกล่าว สักพักหนึ่ง เสียงจากหัวกะโหลกก็เงียบไป แซมพูดกับมันว่า "ท่านกะโหลก, ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?" หัวกะโหลกตอบว่า "ความปากมากของฉัน ทำอย่างนี้แก่ฉัน" แซม พูดว่า "ท่านรู้ไหมว่า ผมจะทำอะไร? ผมจะบอกเรื่องของท่าน แก่ เจ้านายของผม !" แซม ตื่นเต้นมากจนกระทั่งวิ่งออกจากป่าไป เขาต้องการที่จะบอกแก่ทุก ๆ คนเกี่ยวกับหัวกะโหลกที่เขาพบ ไม่ช้า เขาก็พบเจ้านายของเขา และ บอกเจ้านายว่า “มีหัวกะโหลกหัวหนึ่งในป่า มันพูดและร้องเพลงได้ ผมพูดกับมันมาแล้ว ด้วยตัวของผมเอง” เจ้านาย ซึ่งเป็นคนที่ต้องการให้คนงานของเขาสงบเงียบ และ ซื่อสัตย์ พูดว่า “ฉันต้องการให้คนงานของฉันพูดความจริง ฉันจะไปกับแก ไปดูหัวกะโหลก ฉันต้องการดูด้วยตัวฉันเองว่ามันพูดอะไร” เจ้านายจึงเข้าป่าไปกับคนของเขา ไปถึงที่ตรงนั้นที่ แซม พบหัวกะโหลกในหญ้า แซม นำกะโหลกมาให้เจ้านายดู ท่านผู้อ่านคงเดาได้ว่า แซม ต้องการให้กะโหลกทำอะไร พวกเขายืนตรงนั้นเป็นเวลานาน แต่ หัวกะโหลก ไม่พูด ในที่สุด แซม พูดกับหัวกะโหลกว่า “ท่านหัวกะโหลก, ร้องเพลงนั้นอีกครั้งซิ ครับ !” หัวกะโหลก ไม่ร้องเพลง แซมจึงพูดต่อไปว่า “ท่าน หัวกะโหลก เป็นเพื่อนของผมเถอะ และ พูดกับเจ้านายของผม” หัวกะโหลก ก็ไม่ทำเสียงใด ๆ เจ้านาย พูดกับ แซม ก่อนจากไปว่า “ฉันคิดว่า แกดื่มวิสกี้มานะ และฉันจะสอน บทเรียน แก่แก ฉันไม่ต้องการให้แกทำงานให้ฉันอีกต่อไป ไปหางานอื่นให้ตัวเองเถอะ” แซม อยู่กับ หัวกะโหลกตามลำพังอีกครั้งหนึ่ง ท่านผู้อ่านรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? หัวกะโหลก เริ่มร้องเพลง ฉันอยู่ที่นี่ และ เธออยู่ที่นั่น พูดมากเกินไป, เราจะเป็นคู่กัน แซม นั่งลงบนพื้นข้าง หัวกะโหลก เขามองมันอย่างเศร้า ๆ แล้วพูดว่า “พี่ชาย, ทำไมไม่พูดตอนที่เจ้านายของผมอยู่ตรงนี้?” “ความปากมาก ของ ฉัน ทำอย่างนี้ แก่ ฉัน, ไอ้ ลูกชาย” หัวกะโหลกตอบ “ความปากมาก ของ แก ทำอย่างนั้น แก่ แก ไงล่ะ!”

นิทาน2ภาษาเรื่องThe Tar Baby

One day Rabbit said to himself, “It’s too dry here. I need some water. I can drink dew in the mornings, but that isn’t enough.” So Brother Rabbit went to Brother Fox. He said, “Brother Fox, we all need water. Let’s dig a well.” So Fox went and called all the other animals together. “Come. Let’s dig a well for our water,” he said. He got Brother Bear, Brother Possum, and Brother Coon. When the animals had decided where to dig the well, they start to dig, and they asked Brother Rabbit to help them. "Don't forget, boy. Don't forget," the boy repeat. “I’m sick,” said lazy Brother Rabbit “Come on,” they said. “Help us dig this well. We all need water.” Rabbit said, “Oh, I don’t need water. I can drink dew in the morning.” So he didn’t help. But when the other animals finished digging, he wanted some of the water. Of course, the other animals didn’t let Rabbit take any water from the well, but he went at night and got a pan full of water. The next day the angry animal saw Rabbit’s footprints by the well. “What can we do about Brother Rabbit?” they asked. “He thinks he is better than we are. He thinks he is the cleverest animal of all.” Bear said, “I’ll tell you. I’ll sit here by the well all night and catch him.” So Bear sat by the well, but he went to sleep. Again Rabbit came and quietly stole some water. “We must catch Brother Rabbit,” the animals said the next day. “How can we do it?” Each animal spoke more excitedly than the one before. Brother Bear was the angriest of all, and he spoke the most loudly. Then Brother Fox wanted to speak, and Brother Bear told the other animals to listen to him. “Brother Fox will know what to do,” he said. “I know how to catch him,” said Brother Fox. “Let’s make a tar baby and put it near the well. A tar baby is the best thing. That night Brother Rabbit went to the well to get some water. He saw the tar baby and thought it was Brother Bear. “I can’t get any water tonight,” he thought. “There ‘s Brother Bear waiting for me again.” He looked a second time and said, “No, that isn’t Bear. He’s too little to be Brother Bear.” Rabbit went up to the tar baby and said, “Boo-oo-oo!” The tar baby didn’t move. The Rabbit put his face near the tar baby’s face and said again, “Boo!” The tar baby didn’t speak. Rabbit ran around and around the tar baby and put his hand near the tar baby’s face, but the tar baby stood still. “I think that’s only a piece of wood,” Rabbit said, “or perhaps it’s a sleeping man.” Now he stood in front of the tar baby. “Hello, old man. What are you doing here?” he yelled. The tar baby didn’t answer. “Don’t you hear me?” asked Rabbit. “Speak, or I’ll hit you.” The tar baby said nothing, so Rabbit hit him. His hand stuck to the tar. “Let me go. You were pretending that you were sleeping. Let me go, or I’ll hit you with my other hand,” yelled Rabbit angrily. Of course, the tar baby said nothing, so Rabbit hit him with his other hand. It stuck, too. “Let me go, or I’ll kick you,” said Rabbit. The tar baby didn’t say anything, so Rabbit kicked him and his foot stuck in the tar. Poor Rabbit! He didn’t know when to stop. He kicked with his other foot, and it stuck, too. The other animals were hiding in the grass, and when they saw Brother Rabbit stuck in the tar baby, they all ran out. “We’ve caught you,” they said. “We are more clever than you. We’ve caught you, old Rabbit!” “Oh, I’m so sick,” said Rabbit. “What shall we do with him?” asked one. “Throw him into a fire,” said another. “Please, please throw me into a fire,” said Rabbit. “I’m so cold.” “No, we can’t do that,” the other animals said. “He likes the fire.” One said, “Hang him,” but another said, “He’s too light to hang.” Finally they said to Brother Rabbit, “We’re going to throw you into the water with a stone around your neck.” “Oh, yes,” Rabbit said. “I love the water. Throw me in now. I want to visit my friend Brother Fish.” “We can’t do that,” the animals said. “Let’s throw him into the brier patch.” “No, no,” cried Rabbit, “please don’t do that. The brier will tear my feet. They‘ll tear my skin. They’ll tear my eyes out.” So the other animals picked Rabbit up and threw him into the brier patch. As Rabbit ran away through the briers, he yelled, ”This is the nicest place I know of. This is my home. I was born in a brier patch.”
@@@@@@
วันหนึ่ง Rabbit พูดกับตัวเองว่า “ที่นี่แห้งแล้งเกินไป ฉันต้องการน้ำ ฉันดื่มน้ำค้างได้ในตอนเช้า แต่มันไม่เพียงพอ” ดังนั้น คุณพี่ Rabbit จึงไปหา คุณพี่ Fox แล้วพูดว่า “พี่ชาย Fox, พวกเราต้องการน้ำ ช่วยกันขุดบ่อเถอะ” ดังนั้น Fox จึงไปเรียกสัตว์ชนิดอื่น ๆ “มา! พวกเรามาขุดบ่อ เพื่อน้ำสำหรับพวกเราเถอะ” เขาได้เพื่อนมาร่วมงาน คือ คุณพี่ Bear, คุณพี่ Possum, และ คุณพี่ Coon เมื่อบรรดาสัตว์ตกลงใจที่จะขุดบ่อ พวกมันก็เริ่มขุด และเรียกร้องให้ คุณพี่ Rabbit มาช่วยพวกมัน “ฉันป่วย น่ะ!” คุณพี่ Rabbit จอมขี้เกียจบอก “มาน่า !” บรรดาสัตว์เรียกร้อง “ช่วยพวกเราขุดบ่อนี้ พวกเราทั้งหมดต้องการน้ำ” Rabbit พูดว่า “ฉันไม่ต้องการน้ำ ฉันดื่มน้ำค้างตอนเช้าได้” และ มันไม่ช่วยขุด แต่ เมื่อสัตว์อื่น ๆ ช่วยกันขุดบ่อน้ำจนสำเร็จ เจ้า Rabbit ก็ต้องการน้ำด้วย แน่นอนว่า บรรดา คุณพี่ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมจะไม่ยอมให้ เจ้า Rabbit ใช้น้ำจากบ่อนี้ แต่ มันมาตอนกลางคืน และ นำน้ำไปเต็มกะทะทีเดียว วันต่อมา บรรดา คุณพี่สัตว์ ก็ต้องโกรธที่เห็นรอยเท้าของเจ้า Rabbit ที่ข้าง ๆ บ่อน้ำ “เราจะทำอะไรกับ คุณพี่ Rabbit ?” ต่างถามกันเอง “เขาคิดว่าเขาเก่งกว่าพวกเรา เขาคิดว่าเขาเป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าสัตว์ทั้งมวล” Bear พูดว่า “ฉันจะบอกพวกเรา ฉันจะนั่งข้าง ๆ บ่อน้ำทั้งคืน และ จับเขา” ดังนั้น Bear จึงนั่งข้างบ่อน้ำ แต่ เขาเผลอหลับไป Rabbit มาเงียบ ๆ และ ขโมยน้ำไปได้อีก “พวกเราต้องจับ คุณพี่ Rabbit ให้ได้” บรรดาสัตว์พูดกันในวันต่อมา “เราจะทำได้อย่างไร?” แต่ละชนิดสัตว์พูดด้วยความตื่นเต้นกว่าครั้งก่อน คุณพี่ Bear เป็นผู้ที่โกรธที่สุด และ พูดเสียงดังที่สุด แล้ว คุณพี่ Fox ก็ต้องการพูด คุณพี่ Bear จึงบอกสัตว์อื่น ๆ ให้ฟัง คุณพี่ Fox ว่า “คุณพี่ Fox รู้ว่าจะทำอะไร!” คุณพี่ Fox บอกว่า “ฉันรู้ว่าจะจับเขาอย่างไร พวกเราช่วยกันทำ ทารกน้ำมัน สักตัวหนึ่ง แล้ววางมันไว้ข้างบ่อน้ำ ทารกน้ำมัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุด” คืนนั้น คุณพี่ Rabbit ไปที่บ่อน้ำเพื่อจะนำน้ำไปใช้ มันเห็น ทารกน้ำมัน แต่คิดว่าเป็น คุณพี่ Bear จึงคิดว่า “ฉันคงจะไม่ได้น้ำในคืนนี้ คุณพี่ Bear นั่งรอฉันอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว” มันมองอีครั้งหนึ่ง แล้วพูดว่า “นั่นไม่ใช่ คุณพี่ Bear มันตัวเล็กเกินไปที่จะเป็น คุณพี่ Bear” เจ้า Rabbit เข้าไปหา ทารกน้ำมัน แล้วทำเสียงหลอก “บู้!!!!!!!!!!” ทารกน้ำมัน ไม่ขยับ เจ้า Rabbit ยื่นหน้าเข้าไปที่ใบหน้าของ ทารกน้ำมัน และทำเสียงหลอก “บู้!!!!!!!!!!” อีก ทารกน้ำมัน ก็ไม่พูด เจ้า Rabbit จึงวิ่งวนไปรอบ ๆ แล้วยื่นมือไปที่ใบหน้าของ ทารกน้ำมัน แต่ มันก็ยังยืนนิ่งเฉย “ฉันคิดว่านั่นคงเป็นเพียงเศษไม้ชิ้นหนึ่ง หรือ บางทีอาจจะเป็นคนที่กำลังหลับ” เจ้า Rabbit คิด แล้วมายืนที่หน้า ทารกน้ำมัน และตะโกนทักทายว่า “ฮัลโหล, ตาแก่! กำลังทำอะไรอยู่ที่นี่?” ทารกน้ำมัน ไม่ได้ตอบ เจ้า Rabbit พูดต่อไปว่า “ไม่ได้ยินฉันพูด หรือไง? พูดซิ! ไม่งั้นฉันจะ อัด แก” แต่ ทารกน้ำมัน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเจ้า Rabbit จึงตบมัน มือข้างที่ตบ ติด ใน น้ำมัน “ปล่อยฉันนะ! แกแกล้งทำเป็นหลับหรือ? ปล่อยฉันนะ! ไม่งั้น ฉันจะ อัด แกด้วยมืออีกข้างหนึ่งของฉัน” เจ้า Rabbit ตะคอกด้วยความโกรธ และ แน่นอนว่า ทารกน้ำมัน ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม เจ้า Rabbit จึงตบด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ซึ่งก็ติดใน น้ำมัน เช่นเดียวกัน “ปล่อยฉันนะ! ไม่งั้นฉันจะ เตะ แก” เจ้า Rabbit พูด แต่ ทารกน้ำมัน ไม่ได้พูดอะไรตอบ เจ้า Rabbit จึงเตะ ทารกน้ำมัน เท้าของเจ้า Rabbit จึงติดกับตัว ทารกน้ำมัน เจ้า Rabbit ผู้น่าสงสาร! มันไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะหยุดได้ มันเตะด้วยเท้าอีกข้างหนึ่ง ซึ่งมีคำตอบอยู่แล้วว่าต้องติดอยู่กับตัว ทารกน้ำมัน ด้วย บรรดาสัตว์ที่แอบอยู่ในหญ้า เมื่อเห็นว่า คุณพี่ Rabbit ติดอยู่กับ ทารกน้ำมัน ทั้งหมดจึงปรากฏตัวออกมา “พวกเราจับแกได้แล้ว! พวกเราฉลาดกว่าแก พวกเราจับแกได้แล้ว เจ้า Rabbit แก่!” “โอ้! ฉันป่วยมาก” เจ้า Rabbit อุทธรณ์ “พวกเราจะทำอะไรกับมันดีนะ?” มีตัวหนึ่ง ถาม “โยนมันเข้ากองไฟเลย!” ตัวหนึ่ง เสนอ “ช่วยโยนฉันลงในกองไฟเถอะ ฉันหนาวเหลือเกิน” เจ้า Rabbit เรียกร้อง “พวกเราทำอย่างนั้นไม่ได้ มันชอบไฟ” อีกตัวหนึ่งแย้ง “แขวนคอมัน!” เป็นอีกข้อเสนอหนึ่ง “ตัวมันเบาเกินกว่าที่จะแขวนคอ” เสียงคัดค้าน ในที่สุด พวกมันพูดกับ คุณพี่ Rabbit ว่า “พวกเราจะโยนแกลงไปในน้ำพร้อมกับก้อนหินถ่วงที่คอของแก” เจ้า Rabbit ตอบว่า “โอ้! เยี่ยม! ฉันชอบน้ำ โยนฉันลงไปเดี๋ยวนี้เลย! ฉันจะลงไปเยี่ยม คุณพี่ Fish” “พวกเราทำอย่างนั้นไม่ได้ พวกเราโยนมันลงไปใน พงกุหลาบป่า ดีกว่า” บรรดาสัตว์เสนอ “อย่า! อย่า! กรุณาอย่าทำอย่างนั้น ! หนามจะบาดเท้าของฉัน! มันจะฉีกหนังของฉัน! มันจะทิ่มตาของฉัน!” ดังนั้น บรรดาสัตว์จึงจับ เจ้า Rabbit ขึ้น และโยนมันลงไปใน พงกุหลาบป่า เมื่อ เจ้า Rabbit วิ่งผ่านเข้าไปใน พงกุหลาบป่า มันตะโกนว่า “ที่นี่เป็นที่ดีที่สุดที่ฉันรู้จัก ที่นี่คือบ้านของฉัน ฉันเกิดที่นี่”

นิทาน2ภาษาเรื่องผู้หญิงและเหล้าองุ่น

The Old Woman and the Wine-Jar You must know that sometimes old women like a glass of wine. One of this sort once found a Wine-jar lying in the road, and eagerly went up to it hoping to find it full. But when she took it up she found that all the wine had been drunk out of it. Still she took a long sniff at the mouth of the Jar. "Ah," she cried, "What memories cling 'round the instruments of our pleasure."
ผู้หญิงและเหล้าองุ่น-กระปุก ต้องรู้ว่าบางครั้งผู้หญิงเก่าชอบแก้วหนึ่งแก้วของเหล้าองุ่น หนึ่งของสิ่งนี้จัดเรียงที่ค้นพบเหล้าองุ่น-การนอนอยู่บนเตียงกระปุกถนน,ครั้งหนึ่ง และไปอย่างอยากได้สูงถึงมันกระโดดที่จะค้นหามันเต็ม แต่เมื่อเธอหยิบมันขึ้นเธอค้นพบว่าเหล้าองุ่นทั้งหมดถูกดื่มออกมาจากมัน ถึงอย่างนั้นเธอหยิบการสูดอากาศยาวที่ปากของกระปุก "อะฮ้า,"เธอร้องให้, "อะไรก็ได้ที่หน่วยความจำยึดติดกับ'ที่เป็นวงกลมเครื่องมือของความยินดีของเรา."

นิทาน2ภาษาเรื่องคุณแม่กับหัวขโมย

The Young Thief and His MotherA young Man had been caught in a daring act of theft and had been condemned to be executed for it. He expressed his desire to see his Mother, and to speak with her before he was led to execution, and of course this was granted. When his Mother came to him he said: "I want to whisper to you," and when she brought her ear near him, he nearly bit it off. All the bystanders were horrified, and asked him what he could mean by such brutal and inhuman conduct. "It is to punish her," he said. "When I was young I began with stealing little things, and brought them home to Mother. Instead of rebuking and punishing me, she laughed and said: "It will not be noticed." It is because of her that I am here to-day." "He is right, woman," said the Priest; "the Lord hath said: "Train up a child in the way he should go; and when he is old he will not depart therefrom."
....ขโมยหนุ่ม:สาวและคนหนุ่ม MotherA ของเขา .การจับในความกล้ากระทำเพราะการขโมยและถูกตำหนิถูกดำเนินการสำหรับมัน เขาแสดงปราถนาของเขา .เพื่อดูแม่ของเขา ., และการพูดกับก่อนของเธอ .เขาถูกนำให้การปฎิบัติ, และแน่นอนสิ่งนี้ถูกอนุญาต When แม่ของเขา .ที่มาไปเขาเขาบอกว่า: "ฉันต้องการเพื่อกระซิบให้คุณ,"และเมื่อเธอนำมาหูของเธอ .ใกล้เขา, เขาเกือบบิทมันปิด bystanders ทั้งหมดถูกทำให้น่ากลัว, และถามเขาอะไรก็ได้ที่เขาสามารถส่งผลให้โดยนั้นโหดร้ายและไร้ความปรานีชักนำ "มันจะลงโทษเขาของเธอ .บอกว่า "เมื่อฉันคือหนุ่ม:สาวที่ฉันเริ่มต้นกับการขโมยสิ่งเล็กน้อย, และนำมาพวกเขาบ้านไปแม่ แทนที่การดุและที่ลงโทษที่ฉัน, เธอหัวเราะและบอกว่า: "มันจะไม่ถูกสังเกต."มันคือเนื่องจากที่ว่าฉันอยู่ที่นี่วันนี้." "ที่เขาคือถูกต้อง, ผู้หญิง,"ที่บอกว่าพระ;"เจ้าศักดินาเคยบอกว่า: "ฝึกฝนขึ้นลูกในทางที่เขาควรจะไป;และเมื่อเขาคืออายุที่เขาจะไม่จากไปอย่างจากที่นั่น."

นิทาน2ภาษาเรื่องจิ้งจอกกับปลา

The Fox and the CatA Fox was boasting to a Cat of its clever devices for escaping its enemies. "I have a whole bag of tricks," he said, "which contains a hundred ways of escaping my enemies." "I have only one," said the Cat; "but I can generally manage with that." Just at that moment they heard the cry of a pack of hounds coming towards them, and the Cat immediately scampered up a tree and hid herself in the boughs. "This is my plan," said the Cat. "What are you going to do?" The Fox thought first of one way, then of another, and while he was debating the hounds came nearer and nearer, and at last the Fox in his confusion was caught up by the hounds and soon killed by the huntsmen. Miss Puss, who had been looking on, said:"Better one safe way than a hundred on which you cannot reckon
สนัขจิ้งจอกและสนัขจิ้งจอก CatA กำลังคุยโม้ให้แมวหนึ่งแมวของอุปกรณ์ฉลาดของมันสำหรับการหลบหนีศัตรูของมัน "ฉันมีกระเป๋าทั้งหมดของเทคนิค,"ที่เขาบอกว่า, "สิ่งที่บรรจุร้อยทางของการหลบหนีศัตรูของฉัน." "ที่ฉันมีเฉพาะสิ่ง,"ที่บอกว่าแมว;"แต่ฉันสามารถจัดการโดยทั่วไปกับสิ่งนั่น."ต้องที่เวลาชั่วครู่นั้นที่เขาได้ยินการร้องให้ของชุดหนึ่งชุดของการมาถึงคนต่ำช้าใกล้จะเกิดขึ้นมัน, และแมวการวิ่งอย่างรีบเร่งโดยทันทีขึ้นต้นไม้และกริยาช่อง2และ3ของhideตัวเองในกิ่งไม้ "สิ่งนี้คือแผนของฉัน,"ที่บอกว่าแมว "สิ่งซึ่งคุณการไปให้ทำ?" The สนัขจิ้งจอกแรกที่คิดว่าของหนึ่งทาง, ต่อมาของอื่นๆ, และขณะที่เขากำลังการถกเถียงคนต่ำช้าผู้ใกล้ที่มาและผู้ใกล้, และในที่สุดสนัขจิ้งจอกในความสับสนของเขา .คือการจับขึ้นโดยคนต่ำช้าและฆ่าโดยhuntsmenในไม่ช้า พลาดแมว, ผู้ซึ่งเฝ้าดู, said:"ดีกว่าหนึ่งทางปลอดภัยกว่าร้อยบนสิ่งที่คุณไม่สามารถนับ."

นิทาน2ภาษา เรื่องลูกเป็ดขี้เหร่

ลูกเป็ดขี้เหร่Ugly Ducklingใกล้ ๆ ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง มีแม่เป็ดกำลังกกไข่ห้าฟอง ...เวลาผ่านไป ไข่ฟักเป็นตัวออกมาสี่ฟอง ...ยกเว้นไข่อยู่ฟองหนึง. Near the river, Mother Duck was incubating five eggs. In due time, four of the eggs except the one egg didn't hatch.ทันใดนั้น! ...ไข่ฟองสุดท้ายก็ค่อย ๆ ฟักตัวออก.. "คุณพระช่วย ทำไมถึงขี้เหร่อย่างนี้" แต่แม่เป็นก็รับลูกเป็ดขี้เหร่เป็นลูกตัวหนึ่ง Suddendly, the egg gradually hatched. "Oh my goodness! How ugly it is! B ut mother duck welcomed it into the flock.วันหนึ่งแม่เป็ดพาลูก ๆ ไปหัดว่ายนี้ ระหว่างทางได้พบกับวัว แพะ และหมู พวกมันพากันหัวเราะเยาะลูกเป็ดขี้เหร่ "ฮ่า ๆๆ พวกเราดูตัวอะไรนั่นซิ น่าเกลียดจริง ๆ" One day Mother Duck took her five ducklings for a swimming lesson in the pond. On the way they came across a cow, a sheep, a pig. They made fun of the ugly Duckling and laughed at him. "Hey! What is that ugly think supposed to be"?สักครู่หนึ่ง เหล่าลูกเป็ดได้เดินไปพบกับ พ่อไก่และแม่ไก่ "นี่! เคยเห็นตัวอะไรน่าเกลียดอย่างนี้ไหม" พ่อไก่ถามแม่ไก่ In a moment the ducklings walked to come across cock and hen "Hey! Have you ever seen anything so ugly?วันต่อมา ลูกเป็ดขี้เหร่เดินหลงเข้าไปในบ้านของขายทำขนมปัง เมื่อชายทำขนมปังเห็นมันเข้าจึงร้องตะโกนขึ้น "ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ เจ้าตัวน่าเกลียด Next day the ugly Ducking went astray in a baker home. When the baker saw the ugly Ducking he to shut" Go away, you ugly creature."วันหนึ่ง ลูกเป็ดขี้เหร่เห็นฝูงหงส์กำลังเล่นนี้ในลำธารที่มันอาศัยอยู่ มันตะลึงในความสวยงานของหงส์เหล่านั้นจึงบินตามไปดูใกล้ ๆ One day the ugly Duckling saw a flock of swans swimming below. He was so amazed by their beauty that he decided to fly closer to the stream.ลูกเป็ดขี้เหร่มองเงาของตนเอง ที่ปรากฏในน้ำ เป็นเงาของหงษ์ที่สง่างาม ที่แท้จริงมันไม่ใช่เป็ด มันเป็นหงส์ ในที่สุดมันก็ได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริงและอาศัยอยู่ที่ลำรแห่งนั้นอย่างมีความสุข The ugly Duckling saw his shadow in the water it was the reflection of a graceful swan. In fact he had never been an ugly Duckling but it was swan. Finally it was able to find the real parents, and they lived happily ever after in the stream.

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

นิทาน2ภาษา หมาป่ากับแพะ

The Fox and the Goat By an unlucky chance a Fox fell into a deep well from which he could not get out. A Goat passed by shortly afterwards, and asked the Fox what he was doing down there. "Oh, have you not heard?" said the Fox; "there is going to be a great drought, so I jumped down here in order to be sure to have water by me. Why don't you come down too?" The Goat thought well of this advice, and jumped down into the well. But the Fox immediately jumped on her back, and by putting his foot on her long horns managed to jump up to the edge of the well. "Good-bye, friend," said the Fox, "remember next time, "Never trust the advice of a man in difficulties." หมาป่ากับแพะ โชคไม่ดีที่เจ้าหมาป่า ตกลงไปในบ่อน้ำที่ลึกพอสมควร มันพยายามที่จะขึ้นจากบ่อน้ำนั้น แต่มันขึ้นมาเองไม่ได้ ไม่นานก็มีแพะตัวหนึ่งผ่านมา แพะตะโกนถามเจ้าหมาป่าว่า "หมาป่า เจ้าลงไปทำอะไรในบ่อน้ำนั่น" "อ้าว นี่เจ้าไม่รู้ข่าวหรือ เขาว่าบ้านเรากำลังจะขาดน้ำนะ แล้งมากเลยด้วย ฉันก็เลยกระโดดลงมาในบ่อนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะมีน้ำใช้แน่ๆ แล้วเธอจะไม่โดดลงมาด้วยหรือ" หมาป่าถามกลับ เจ้าแพะครุ่นคิดดูว่า หมาป่าให้คำแนะนำ ฟังดูดีนะ ว่าแล้วก็กระโดดลงบ่อน้ำไป ทันใดนั้น เจ้าหมาป่า ไม่รอช้ากระโดดขึ้นหลังแพะ ต่อตัวกระโจนขึ้นไปปากบ่อทันที "ลาก่อนเพื่อนรัก จำเอาไว้นะ วันหลังอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ " (โดยเฉพาะผู้ที่ดูไม่น่าไว้วางใจ)

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บรรณานุกรม

หน้า2
บรรณานุกรม
ประวัติอียิปต์โบราณ(มปป.). สืบค้นข้อมูลเมื่อ15ธันวาคม2551. จากhttp://www.learners.in.th/blog/Channarong22/98869
ประวัติอียิปต์ว่าด้วยเรื่องของพระนางnefrtiti(มปป.). สืบค้นข้อมูลเมื่อ15ธันวาคม2551.จาก
Murray,M.A. (2547). ตำนานอดีตกาลอียิปต์. กรุงเทพ ฯ : One world

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สารบัญ

หน้า ข
------------------------------สารบัญ------------------------------------
เรื่อง---------------------------------------------------------------------หน้า
คำนำ--------------------------------------------------------------------
สารบัญ------------------------------------------------------------------
บทนำ -------------------------------------------------------------------1
ความหมาย---------------------------------------------------------------1
ประวัติความเป็นมา---------------------------------------------------------- 1
ความเชื่อ---------------------------------------------------------------- 1
สรุป--------------------------------------------------------------------- 1
บรรณานุกรม------------------------------------------------------------- 2

บทนำ

หน้า1
บทนำ

สมัยประวัติศาสตร์ คนนับถือพระอาทิตย์มาก มีการสร้างวิหารที่สำคัญหลายแห่ง เช่น วิหารของเทพเจ้าอาตอน-เรที่เฮลิโอโปลิส วิหารของเทพเจ้าพทาห์ที่เมมฟิส วิหารของเทพเจ้าโธทที่เฮอร์โมโปลิสเทพเจ้าโอซิริสที่เคยเป็นเทพเจ้าแห่งพืชพันธุ์ไม้ กลายมาเป็นเทพเจ้าของคนตาย คนอียิปต์เชื่อเรื่องเวรกรรม คนตายไปแล้วจะได้รับกรรมที่ทำไว้ และเชื่อเรื่องชาติหน้า อักษรเฮียโรกลีฟ มีลักษณะเป็นรูปสัญลักษณ์หนึ่งเท่ากับคำหนึ่งจากนั้นเป็นกลุ่มพยัญชนะ พยัญชนะโดดๆ ไม่มีสระ ใช้ในทางศาสนาต่อจากอักษรเฮียราติค (ภาษาที่่ใช้ทั่วไป) เป็น อักษรเดโมติค(ราว 700 ปีก่อนค.ศ.) เป็นภาษาประจำวัน ปฏิทินอียิปต์มี 365 วัน (12 x 30 + 5) วันแรกของปีเริ่มกลางเดือนกรกฎาคมตรงกับที่แม่น้ำไนล์ล้นฝั่ง ปีที่มี 366 วันไม่มีปรากฎใช้ สมัยต่อมาการนับปีถือเอาเทพเจ้าซิริอุส (โซธิส) เป็นหลัก คือ หนึ่งปีโซธิสมี 365 วันและอีกเศษหนึ่งส่วนสี่ จักรวรรดิ์กลาง (ประมาณ 2052 - 1570 ปี ก่อนคริสตศักราช) หลังจากที่อียิปต์ผ่านสงครามภายในมาหลายปี พระเจ้าเมนทูโฮเทปที่่ 2 ทรงรวม อียิปตสูงและอียิปต์ต่ำเข้าด้วยกัน และทรงย้ายเมืองหลวงจากเมมฟิสไปที่ธีบส์ 1991 - 1786 ตรงกับราชวงศ์ที่ 12 อำนาจการปกครองมารวมอยู่ที่เมืองหลวงอีก เชื้อพระวงศ์ตามเมืองต่างๆหมดอำนาจ มีการก่อสร้างวัดขนาดใหญ่หลายหลังที่คาร์นัค เมืองที่ถือว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าองค์ใหม่
ความหมาย
ประวัติ อียิปต์โบราณอียิปต์ ตามความหมายที่เฮโรดอท นักเดินทางชาวกรีกให้ไว้ หมายถึง ของขวัญจากแม่น้ำไนล์ อียิปต์ ตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ (เรียกว่าดินดำ) อยู่ระหว่างที่ราบสูงที่เป็นทะเลทราย ทางเหนือของทวีปอัฟริกา แม่น้ำไนล์ยาวประมาณ1,000 กม. ต้นแม่น้ำมาจากทะเลสาบในประเทศเอธิโอเปียทางตะวันออก และทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์เป็นทะเลทราย (เรียกกันว่าดินแดง) ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินมาจากแม่น้ำไนล์ไหล
(ประวัติอียิปต์โบราณ, 2551)
ประวัติความเป็นมา
3,000 ปี ก่อนคริสตศักราช อียิปต์แบ่งเป็นสองราชอาณาจักร คือ อียิปต์สูง (อียิปต์บน) และอียิปต์ต่ำ (อียิปต์ล่าง) ทั้งสองอาณาจักรรวมกันสมัยพระเจ้านาแมร์ (กรีกเรียกเมแนส) และสมัยพระเจ้าอหา มีเมืองหลวงชื่อเมมฟิส (กำแพงขาว)สมัยจักรวรรดิเก่า (2850 - 2052 ปี ก่อนคริสตศักราช) 2850-2650 สมัยธินิท (ราชวงศ์ที่1 และ 2) อียิปต์เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ มีการสู้รบกับพวกเบดวงจากคาบสมุทรซีนาย เพื่อแย่งชิงเหมืองทองแดงมีการติดต่อทางเรือกับเมืองไบโบลส (ในเลบานอนปัจจุบัน) เพื่อซื้อไม้เซดาร์มาใช้ในการก่อสร้างและทำโลงศพของฟาห์โร (กษัตริย์) มีการก่อสร้างหลุมศพสำหรับเจ้าเรียกว่า มาสตาบา 2650 - 2190 สมัยปิรามิด (ราชวงศ์ที่ 3 - 6) เมมฟิส
(ประวัติอียิปต์ว่าด้วยเรื่องของพระนางnefrtiti,2551)
ความเชื่อ
สมัยประวัติศาสตอียิปต์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานประเทศหนึ่งดินแดนอันเก่าแก่นี้มีความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่มากมายชาวอียปต์โบราณธรรมชาติทุกสิ่งมีเทพเจ้าสถิตย์อยู่ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า สายน้ำและพระอาทิตย์พระจันทร์เป็นต้นและยังมีความเชื่อในด้านปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ถูกควบคุมโดยพระเจ้าอีกหลายอย่าง เช่นพระอาทิตย์ตกดินคือเวลาที่พระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ได้เดินทางไปส่องสว่างให้กับโลกของคนตายหรือการที่พระจันทร์ไม่ส่องแสงสว่างให้เต็มดวงในทุกคืนก็เนื่องจากการที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์แพ้พนันที่เดิมพันไว้ด้วยแสงสว่างของพระองค์
(Murray, 2547)
สรุป
ชาวอียิปต์มักมีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าและปรากฎการทางธรรมชาติด้วยเรื่องขิงชีวิตหลังความตายและจะกลับมาอีกครั้งในชาติภพหน้า

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

คำนำ

หน้า ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้ได้รวบรวมเรื่องราวของอิยิปต์โบราณไว้ไม่ว่าจะเป็น ความหมายของอิยิปต์โบราณ ความเชื่อของคนอิยิปต์ และได้รวบรวมมาถึงประวัติความเป็นมาไว้ในรายงานฉบับนี้ทั้งนี้ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้ความรูจากรายงานเรื่องอิยิปต์โบราณพอสมควร
สุดท้ายนี้ผู้จัดทำขอขอบคุณครูและผู้มีส่วนร่วมช่วยให้รายงานฉบับนี้สำเร็จด้วยดีหากมีข้อบกพร่องประการใดจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยและหวังว่าจะได้รับคำติชมจากผู้อ่านเพื่อจะได้นำมาปรับปรุงในครั้งต่อไป
ชลาลัย จันจีน
21 มกราคม 2552

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

ปกใน

อียิปต์โบราณ
ชลาลัย จันจีน
รหัส5131040081
แผนกช่างไฟฟ้ากำลัง
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาห้องสมุดกับการรู้สารสนเทศ
รหัสวิชา3000-1601
ภาคเรียนที่2/2551
วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

ปกนอก

อียิปต์โบราณ
ชลาลัย จันจีน
รหัส 5131040081
แผนก วิชาช่างไฟฟ้ากำลัง

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

นิทานอียิปต์

นิทานอิยิปต์สุริยเทพ
ราคือสุริยเทพ ทุกๆวันพระองค์จะท่องข้ามฟากฟ้าไปในเรือดึกดำบรรพ์ พลางมองลงมาที่โลกและประทานพรแก่มนุษย์ทุกรูปนาม มีบางคราพระองค์จะเสด็จลงมาสู่พื้นโลกและเที่ยวท่องไปเพื่อดูแลทุกข์สุขของผู้คนทั้งหลาย ขณะเมื่อพระองค์อุบัติขึ้นมานั้น พระองค์มีชื่อลับมาด้วยอีกชื่อหนึ่ง มีค่าเท่ากับมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่เดียว มนตร์บทนี้มีอิทธิฤทธิ์ครอบครุมทั่วทั้งสรวงสวรรค์และโลกมนุษย์ทว่าไม่มีแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าหรือมนุษย์ ที่จะรู้จักชื่อลับของรา ครั้งกระโน้น มีหญิงงามนางหนึ่งเรียนรู้เวทมนตร์จนมีอาคมแก่กล้ามาก วันแล้ววันเล่าที่เธอเฝ้ามองราท่องข้ามฟ้าพลางบอกตัวเองว่า "ข้าคือไอซิส ข้ารู้เวทมนตร์มากมาย แต่หากได้รู้ชื่อลับของรา ก็เท่ากับได้รู้มหาเวทย์ที่ครอบคลุมเหนือสรวงสวรรค์และพื้นพิภพ" แล้วไอซีสก็วางแผนที่จะสืบชื่อลับของรามาให้จงได้ วันแล้ววันเล่า ที่ไอซิสเฝ้ามองราข้ามฟากฟ้า แล้วจากการสังเกตเธอก็พบว่าบางครั้งมีสายน้ำหลั่งจากปากราลงสู่พื้นโลก ไอซิสกอบดินชุ่มน้ำมาปั้นเป็นงูใหญ่ตัวหนึ่ง จากนั้นก็ร่ายมนตร์ลงไปทำให้งูใหญ่จากดินปั้นมีชีวิตขึ้นมา แล้วเธอก็ลอบนำงูใหญ่นั้นไปไว้ตรงทางที่ราจะต้องผ่าน พอราเดินบนพื้นโลกเช่นที่เคยทำเป็นครั้งคราวผ่านตรงที่มีงูใหญ่ซ่อนอยู่ มันก็พุ่งเข้าฉกราทันที พระองค์ได้รับความทุกข์ทรมานจาพิษบาดแผลยิ่งนัก สุริยเทพราตรัสเรียกเทพเจ้าทั้งในสรวงสวรรค์และพื้นพิภพมาพบ "เราเจ็บปวดเหลือเกิน เหมือนกับมีไฟกำลังไหม้โหมอยู่ในตัว แล้วก็กลับมาหนาวยะเยือก อิทธิฤทธิ์ของเราไม่อาจขจัดพิษออกจากร่างได้ ด้วยเหตุที่ว่าเราหาได้สร้างเจ้าตัวที่มากัดเรานี้ไม่" บรรดาเทพเจ้าเหล่านั้นพากันส่งข่าวไปยังทวยเทพและชนทุกหมู่เหล่าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ทั่วทั้งจักวาล "จงมาที่เรือดึกดำบรรพ์ เพื่อช่วยเหลือรา องค์สุริยเทพให้พ้นจากความเจ็บปวดทรมานด้วยเถิด" ไอซิสจึงเดินทางร่วมกับผู้รอบรู้เวทมนตร์คนอื่นๆไปยังเรือดึกดำบรรพ์ แต่ก็ไม่มีใครมีอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์คาถาเพียงพอที่จะขจัดพิษงูจากราได้เลย ไอซิสจึงพูดกับราว่า "เจ้าตัวที่กัดพระองค์นั้นคืองูใหญ่ชนิดหนึ่ง เมื่อพิษของมันแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของพระองค์จะทำให้รู้สึกร้อนราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ จงบอกพระนามลับของพระองค์แก่ข้า จากนั้นด้วยอำนาจแห่งมหามนตร์ของพระนามนั้น ข้าจะรักษาพระอวงค์ให้พ้นความทรมานจากพิษร้าย" "เราคือผู้สร้างสรวงสวรรค์และพื้นพิภพ" รากล่าว "ดวงตาของเราให้แสงสว่างแก่พื้นพิภพ ถ้อยคำของเราหลั่งไหลเป็นสายน้ำในแม่น้ำไนล์ไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ จะหาผู้ใดทรงฤทธานุภาพทัดเทียมสุริยเทพราไม่ได้อีกแล้ว" "พระองค์บอกข้าว่าพระองค์เป็นใคร แต่หาได้บอกพระนามลับแก่ข้าไม่" ไอซิสทักท้วง "จงบอกพระนามลับของพระองค์แก่ข้า และด้วยอำนาจแห่งมนตร์นั้น ข้าจะรักษาพระองค์ให้พ้นความทรมานจากพิษร้าย" รามิต้องการให้ใครรู้ชื่อลับของพระองค์ เพราะความลับเกี่ยวกับชื่อของพระองค์นี้ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลทว่าพระองค์กำลังทุกข์ทรมานด้วยควมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสุดที่จะกล้ำกลืนฝืนทนต่อไปได้ จึงตัดสินใจกล่าวแก่แก่ไอซิสว่า "เราจะบอกชื่อลับของเราแก่เจ้า ถ้าเจ้าช่วยให้หายได้จริง" ไอซิสกับราปลีกตัวเลี่ยงออกมาจากเหล่าเทพเจ้าเพราะราไม่ต้องการให้บุคคลที่สามพลอยได้ยินสิ่งที่พระองค์จะบอกแก่ไอซิสไปด้วย "เธอเป็นคนดีมีคุณธรรม" รากล่าว "คงไม่ใช้อิทธิฤทธิ์จากชื่อลับของเราไปใช้ในทางทีผิด แต่จงอย่าบอกต่อแก่ใครเป็นอันขาดไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะถ้าหากให้คนชั่วได้มีโอกาสได้รู้เข้า อาจจะนำไปสร้างความเลวร้ายให้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โดยที่จะไม่มีใครหน้าไหนจะหยุดยั้งได้อีกแล้ว "ฉะนั้น ขอให้เจ้าจงสาบานว่าจะเก็บสิ่งที่เราจะบอกแก่เจ้าในวันนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว ชื่อลับของเราคือ อาเมน-รา อันหมายถึงความยิ่งใหญ่เหนือเทพและเทวีทั้งหลาย นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน" เมื่อรู้ชื่อลับของเราแล้ว ไอซิสก็ร่ายเวทย์ซึ่งศักดิ์สิทธิยิ่งกว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์ใดนับแต่โบราณกาล แล้วพิษร้ายก็ถูกขับจากร่างของรา พระองค์หายเจ็บปวดในทันใด ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่รา สุริยเทพ เสร็จสิ้นการท่องข้ามฟากฟ้าโดยเรือดึกดำบรรพ์พอดี ไอซิสไม่เคยบอกชื่อลับของราแก่ผู้ใดแม้แต่คนเดียวในที่สุดด้วยอำนายศักดิ์สิทธิ์นั้น เธอก็ได้กลายเป็นเทพธิดาหรือเทวีที่สำคัญที่สุดของอาณาจักรอียิปต์องค์หนึ่ง ได้รับความเคารพสักการะจากผู้คนพลเมืองสืบเนื่องมาเป็นเวลาหลายพันปี มณีพรรณ อ่อนหวาน แปล
7Smooth.com
7Smooth.com GroupCopy Right 1999poet2543@hotmail.com poet2543@7smooth.com
geovisit();